ความรอด

117 นั่น

ความรอดคือการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระเจ้า และการไถ่สิ่งสร้างทั้งหมดจากการเป็นทาสของบาปและความตาย พระเจ้าให้ความรอดไม่เพียงแต่สำหรับชีวิตปัจจุบัน แต่สำหรับนิรันดร์กาลสำหรับทุกคนที่ยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด ความรอดเป็นของขวัญจากพระเจ้า เป็นไปได้โดยพระคุณ ให้โดยอาศัยศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ไม่สมควรได้รับคุณค่าส่วนตัวหรือความดี (เอเฟซัส 2,4-10; 1. โครินเธียนส์ 1,9; โรมัน 8,21-23; 6,18.22-23)

ความรอด - ปฏิบัติการกู้ภัย!

ความรอด การไถ่บาป คือปฏิบัติการช่วยเหลือ ในการเข้าใกล้แนวคิดเรื่องความรอด เราจำเป็นต้องรู้สามสิ่ง: ปัญหาคืออะไร; สิ่งที่พระเจ้าทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเราควรตอบสนองอย่างไร

มนุษย์คืออะไร

เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ และเรียกสิ่งที่สร้างว่าดีมาก (1. โมเซ่ 1,26-27 และ 31) มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่วิเศษ: ทำจากฝุ่น แต่มีชีวิตชีวาด้วยลมปราณของพระเจ้า (1. โมเซ่ 2,7).

"ภาพลักษณ์ของพระเจ้า" อาจรวมถึงสติปัญญา พลังแห่งการสร้างสรรค์ และอำนาจเหนือการสร้างสรรค์ และความสามารถในการเข้าสู่ความสัมพันธ์และการตัดสินใจทางศีลธรรม ในบางแง่เราเป็นเหมือนพระเจ้าเพราะพระเจ้าทรงมีพระประสงค์พิเศษสำหรับเรา ลูก ๆ ของพระองค์

หนังสือของโมเสสบอกเราว่ามนุษย์กลุ่มแรกทำสิ่งที่พระเจ้าห้ามไม่ให้พวกเขาทำ (1. โมเซ่ 3,1-13). การไม่เชื่อฟังของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ไว้วางใจพระเจ้า และเป็นการละเมิดความไว้วางใจของเขาในเธอ ความไม่เชื่อทำให้ความสัมพันธ์ขุ่นมัวและล้มเหลวในการทำสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้พวกเขา เป็นผลให้พวกเขาสูญเสียความคล้ายคลึงของพวกเขาต่อพระเจ้า พระเจ้าตรัสว่าผลที่ได้คือ: การดิ้นรน ความเจ็บปวด และความตาย (ข้อ 16-19) หากพวกเขาไม่ต้องการทำตามคำแนะนำของพระผู้สร้าง พวกเขาต้องผ่านหุบเขาแห่งน้ำตา

ผู้ชายมีเกียรติและใจร้ายในเวลาเดียวกัน เราสามารถมีอุดมคติสูงและยังป่าเถื่อนได้ เราเป็นเหมือนพระเจ้าและยังไร้พระเจ้า เราไม่ได้ "อยู่ในความหมายของนักประดิษฐ์" อีกต่อไป แม้ว่าเราจะ "เสื่อมเสีย" ตัวเอง พระเจ้าก็ยังถือว่าเราถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า (1. โมเซ่ 9,6). ศักยภาพที่จะเป็นเหมือนพระเจ้ายังคงมีอยู่ นั่นคือเหตุผลที่พระเจ้าต้องการช่วยเรา นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ต้องการไถ่เราและฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่พระองค์ทรงมีกับเรา

พระเจ้าต้องการให้เรามีชีวิตนิรันดร์ปราศจากความเจ็บปวดชีวิตที่ดีกับพระเจ้าและกันและกัน เขาต้องการสติปัญญาความคิดสร้างสรรค์และพลังของเราที่จะใช้เพื่อสิ่งที่ดีกว่า เขาต้องการให้เราเป็นเหมือนเขาจะดีกว่ามนุษย์คนแรก นั่นคือความรอด

ศูนย์กลางของแผน

ดังนั้นเราจึงต้องการความช่วยเหลือ และพระเจ้าช่วยเรา - แต่ในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดได้ พระบุตรของพระเจ้ากลายเป็นมนุษย์มีชีวิตที่ปราศจากบาปและเราก็ฆ่าเขา และนั่นคือ - กล่าวว่าพระเจ้า - คือความรอดที่เราต้องการ สิ่งที่ประชด! เรารอดโดยการเสียสละ ผู้สร้างของเรากลายเป็นเนื้อเพื่อที่เขาจะได้เป็นตัวแทนของการลงโทษบาปของเราอย่างชัดเจน พระเจ้าฟื้นคืนชีพเขาและโดยพระเยซูเขาสัญญาว่าจะนำเราไปสู่การฟื้นคืนชีพด้วยเช่นกัน

ความตายและการฟื้นคืนชีพของพระเยซูสะท้อนให้เห็นถึงความตายและการฟื้นคืนชีพของมนุษยชาติทั้งหมดและทำให้มันเป็นไปได้ในสถานที่แรก ความตายของเขาคือสิ่งที่ความล้มเหลวและความผิดพลาดของเราสมควรได้รับและในฐานะผู้สร้างของเราเขาได้ทำผิดพลาดทั้งหมดของเรา แม้ว่าเขาจะไม่สมควรได้รับความตาย แต่เขาก็ตั้งใจทำเพื่อตัวเอง

พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเราและทรงเป็นขึ้นมาเพื่อเราด้วย (โรม 4,25). ตัวตนเก่าของเราตายไปพร้อมกับพระองค์ และกับพระองค์ คนใหม่ก็ถูกชุบให้เป็นขึ้นจากตาย (โรม 6,3-4). ด้วยการเสียสละเพียงครั้งเดียว พระองค์ทรงรับโทษบาปของ "โลกทั้งใบ" (1. โยฮันเน 2,2). ได้ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว คำถามตอนนี้คือเราจะได้รับประโยชน์จากมันอย่างไร การมีส่วนร่วมของเราในแผนคือผ่านการกลับใจและศรัทธา

ความโศกเศร้า

พระเยซูมาเพื่อเรียกคนให้กลับใจ (ลูกา 5,32); (“การกลับใจ” มักจะแปลโดยลูเทอร์ว่า “การกลับใจ”) เปโตรเรียกร้องให้กลับใจใหม่และหันไปขอการให้อภัยจากพระเจ้า (กจ 2,38; 3,19). เปาโลกระตุ้นให้ผู้คน "กลับใจใหม่ต่อพระเจ้า" (กิจการ 20,21:1, Elberfeld Bible) การกลับใจหมายถึงการละทิ้งบาปและหันกลับมาหาพระเจ้า เปาโลประกาศกับชาวเอเธนส์ว่าพระเจ้ามองข้ามการไหว้รูปเคารพที่โง่เขลา แต่ตอนนี้ “สั่งคนทุกหนทุกแห่งให้กลับใจใหม่” (กิจการ คร7,30). จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด

เปาโลกังวลว่าคริสเตียนชาวโครินธ์บางคนจะไม่กลับใจจากบาปแห่งการผิดประเวณี (2. โครินเธียนส์ 12,21). สำหรับคนเหล่านี้ การกลับใจหมายถึงความเต็มใจที่จะยุติการผิดประเวณี ตามคำกล่าวของเปาโล มนุษย์ควร "กระทำการกลับใจชอบธรรม" นั่นคือพิสูจน์ความจริงใจของการกลับใจของเขาด้วยการกระทำ (กิจการ 26,20). เราเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของเรา

รากฐานของหลักคำสอนของเราคือ “การกลับใจจากงานที่ตายแล้ว” (ฮีบรู 6,1). นั่นไม่ได้หมายถึงความสมบูรณ์แบบตั้งแต่เริ่มต้น - คริสเตียนไม่สมบูรณ์แบบ (1Joh1,8). การกลับใจไม่ได้หมายความว่าเราบรรลุเป้าหมายแล้ว แต่เรากำลังเริ่มไปในทิศทางที่ถูกต้อง

เราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่เพื่อพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด (2. โครินเธียนส์ 5,15; 1. โครินเธียนส์ 6,20). เปาโลบอกเราว่า "ขณะที่ท่านให้อวัยวะของท่านปฏิบัติต่อสิ่งโสโครกและอธรรมไปสู่การไม่ชอบธรรมใหม่ บัดนี้จงให้อวัยวะของท่านประพฤติตามความชอบธรรมเพื่อพวกเขาจะได้บริสุทธิ์" (โรม 6,19).

Glaube

การเรียกผู้คนให้กลับใจไม่ได้ช่วยพวกเขาให้พ้นจากความผิดพลาด ผู้คนได้รับเรียกให้เชื่อฟังเป็นเวลาหลายพันปี แต่ยังต้องการความรอด องค์ประกอบที่สองเป็นสิ่งจำเป็นและนั่นคือความเชื่อ พันธสัญญาใหม่กล่าวถึงศรัทธามากกว่าที่พูดเกี่ยวกับการกลับใจ (การสำนึกผิด) - คำพูดสำหรับศรัทธามีอยู่ทั่วไปมากกว่าแปดเท่า

ใครก็ตามที่เชื่อในพระเยซูจะได้รับการอภัย (กิจการ 10,43). “เชื่อในพระเยซูเจ้า แล้วท่านและครอบครัวจะรอด” (กิจการ 16,31.) ข่าวประเสริฐ “เป็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าซึ่งช่วยให้ทุกคนที่เชื่อในข่าวประเสริฐรอด” (โรม 1,16). คริสเตียนมีชื่อเล่นว่าเป็นผู้เชื่อ ไม่ใช่ผู้กลับใจ ลักษณะชี้ขาดคือความเชื่อ

"เชื่อ" หมายถึงอะไร - การยอมรับข้อเท็จจริงบางอย่าง? คำภาษากรีกอาจหมายถึงความเชื่อแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่มีความหมายหลักว่า "ไว้วางใจ" เมื่อเปาโลเรียกร้องให้เราเชื่อในพระคริสต์ ท่านไม่ได้หมายความถึงข้อเท็จจริงเป็นหลัก (แม้มารรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระเยซู แต่ก็ยังไม่รอด)

หากเราเชื่อในพระเยซูคริสต์เราวางใจในพระองค์ เรารู้ว่าเขาซื่อสัตย์และเชื่อถือได้ เราสามารถไว้ใจเขาให้ดูแลเราเพื่อให้สิ่งที่เขาสัญญากับเรา เราสามารถวางใจในพระองค์เพื่อช่วยเราให้พ้นจากปัญหาที่เลวร้ายที่สุดของมนุษยชาติ เมื่อเรามาหาเขาเพื่อความรอดเรายอมรับว่าเราต้องการความช่วยเหลือและเขาสามารถมอบให้เราได้

ศรัทธาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยเราให้รอด - ต้องเป็นศรัทธาในพระองค์ ไม่ใช่ในสิ่งอื่นใด เราฝากตัวไว้กับพระองค์และพระองค์ทรงช่วยเราให้รอด เมื่อเราวางใจในพระคริสต์ เราก็เลิกวางใจในตัวเอง ในขณะที่เราพยายามทำตัวให้ดี เราไม่เชื่อว่าความพยายามของเราจะช่วยเราให้รอด ("ความพยายาม" ไม่เคยทำให้ใครสมบูรณ์แบบ) ในทางกลับกัน เราไม่สิ้นหวังเมื่อความพยายามของเราล้มเหลว เราวางใจว่าพระเยซูจะนำความรอดมาให้เรา ไม่ใช่ว่าเราจะลงมือเอง เราพึ่งพาพระองค์ ไม่ใช่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเราเอง

ศรัทธาคือพลังขับเคลื่อนของการกลับใจ ถ้าเราเชื่อในพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เมื่อเราตระหนักว่าพระเจ้าทรงรักเรามากจนพระองค์ส่งพระบุตรมาสิ้นพระชนม์เพื่อเรา เมื่อเรารู้ว่าเขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรามันทำให้เรามีความเต็มใจที่จะมีชีวิตอยู่และพอใจกับเขา เราตัดสินใจ: เราละทิ้งชีวิตที่ไร้ความหมายและน่าผิดหวังที่เราได้นำและยอมรับความหมายของชีวิตที่พระเจ้ามอบให้, ทิศทางและทิศทางของชีวิตที่พระเจ้ามอบให้

ศรัทธา – นั่นคือการเปลี่ยนแปลงภายในที่สำคัญทั้งหมด ความเชื่อของเราไม่ได้ "หารายได้" ให้กับเรา และไม่ได้เพิ่มอะไรให้กับสิ่งที่พระเยซู "ได้รับ" สำหรับเรา ศรัทธาเป็นเพียงความเต็มใจที่จะตอบสนอง ตอบสนองต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป เราเป็นเหมือนทาสที่ทำงานในหลุมดิน ทาสที่พระคริสต์ประกาศว่า "ฉันได้ไถ่คุณแล้ว" เรามีอิสระที่จะอยู่ในหลุมดินหรือวางใจในพระองค์และออกจากหลุมดิน การไถ่ถอนเกิดขึ้นแล้ว เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องยอมรับและปฏิบัติตาม

ความสง่างาม

ความรอดเป็นของขวัญจากพระเจ้าในความหมายที่แท้จริง: พระเจ้าประทานความรอดแก่เราผ่านทางพระคุณของพระองค์ ผ่านทางความเอื้ออาทรของพระองค์ เราไม่สามารถได้รับมันไม่ว่าเราจะทำอะไร “เพราะว่าท่านได้รับความรอดโดยพระคุณโดยความเชื่อ และไม่ใช่ตัวท่านเอง เป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่การประพฤติ เกรงว่าใครจะโอ้อวดได้” (เอเฟซัส 2,8-9). ศรัทธาเป็นของขวัญจากพระเจ้าเช่นกัน แม้ว่าเราจะเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราก็ไม่สมควรได้รับรางวัล7,10).

เราถูกสร้างมาเพื่อการดี (เอเฟซัส 2,10) แต่ความดีไม่สามารถช่วยเราได้ พวกเขาติดตามความรอด แต่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังที่เปาโลกล่าวไว้ว่า หากผู้ใดสามารถได้รับความรอดโดยการรักษากฎเกณฑ์ พระคริสต์คงสิ้นพระชนม์อย่างเปล่าประโยชน์ (กาลาเทีย 2,21). พระคุณไม่ได้ประทานใบอนุญาตให้เราทำบาป แต่ประทานให้เราในขณะที่เรายังทำบาปอยู่ (โรม 6,15; 1จอห์น1,9). เมื่อเราทำการดี เราต้องขอบพระคุณพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงกระทำในเรา (กาลาเทีย 2,20; ชาวฟิลิปปินส์ 2,13).

พระเจ้า “ทรงช่วยเราให้รอด และทรงเรียกเราด้วยการเรียกอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่ตามงานของเรา แต่ตามพระประสงค์และพระคุณของพระองค์” (2 ทธ.1,9). พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอด “ไม่ใช่เพราะการกระทำอันชอบธรรมที่เราได้ทำลงไป แต่ด้วยความเมตตาของพระองค์” (ทิตัส 3,5).

พระคุณเป็นหัวใจของข่าวประเสริฐ ความรอดมาเป็นของขวัญจากพระเจ้า ไม่ใช่โดยการกระทำของเรา ข่าวประเสริฐคือ “ถ้อยคำแห่งพระคุณของพระองค์” (กิจการ 1 คร4,3; 20,24). เราเชื่อว่า "โดยพระคุณขององค์พระเยซูคริสต์ เราจะรอด" (กิจการ 1 คร5,11). เรา "เป็นผู้ชอบธรรมโดยพระคุณของพระองค์โดยปราศจากบุญ โดยการไถ่บาปโดยพระเยซูคริสต์" (โรม 3,24). หากปราศจากพระหรรษทานของพระเจ้า เราก็คงไม่สามารถช่วยเหลือได้เพราะความเมตตาของบาปและการสาปแช่ง

ความรอดของเรายืนหยัดหรือตกอยู่กับสิ่งที่พระคริสต์ทรงทำ พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงช่วยเราให้รอด เราไม่สามารถโอ้อวดเกี่ยวกับการเชื่อฟังของเราได้เพราะมันไม่สมบูรณ์แบบอยู่เสมอ สิ่งเดียวที่เราภาคภูมิใจได้คือสิ่งที่พระคริสต์ทรงทำ (2. โครินเธียนส์ 10,17-18) - และเขาทำเพื่อทุกคน ไม่ใช่แค่เรา

การให้เหตุผล

ความรอดนั้นถูก จำกัด ไว้ในพระคัมภีร์ในหลาย ๆ ด้าน: ไถ่ไถ่ถอนการให้อภัยการคืนดีกันในวัยเด็กการอ้างเหตุผล ฯลฯ เหตุผล: ผู้คนเห็นปัญหาของพวกเขาในแง่ที่แตกต่างกัน ถ้าคุณรู้สึกสกปรกพระคริสต์ก็ทรงชำระล้างให้บริสุทธิ์ ผู้ที่รู้สึกเป็นทาสให้การไถ่ถอน; ผู้ที่รู้สึกผิดเขาให้อภัย

ผู้ที่รู้สึกแปลกแยกและกลับมาเสนอการปรองดองและมิตรภาพ ผู้ที่ดูไร้ค่าเขาก็ให้ความนับถือใหม่อย่างมั่นคง ผู้ที่ไม่รู้สึกผูกพันใด ๆ เขาได้รับความรอดตั้งแต่ยังเป็นเด็กและเป็นมรดก ใครก็ตามที่รู้สึกไร้จุดหมายให้ความหมายและเป้าหมายแก่เขา เขามอบสันติสุขให้แก่ผู้เหนื่อยล้า เขาให้ความสงบแก่คนขี้อาย ทั้งหมดนี้คือความรอดและอีกมากมาย

ลองมาดูคำศัพท์คำเดียวให้ละเอียดยิ่งขึ้น: การให้เหตุผล คำภาษากรีกมาจากสาขากฎหมาย จำเลยมีคำพิพากษาว่า "ไม่มีความผิด" เขาพ้นโทษ ฟื้นฟู พ้นผิด เมื่อพระเจ้าทำให้เราเป็นคนชอบธรรม พระองค์ประกาศว่าบาปของเราไม่ถือเป็นความผิดของเราอีกต่อไป ชำระบัญชีหนี้หมดแล้ว

หากเรายอมรับว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อเราถ้าเรายอมรับว่าเราต้องการพระผู้ช่วยให้รอดถ้าเรายอมรับว่าบาปของเราสมควรได้รับการลงโทษและพระเยซูทรงเบื่อการลงโทษบาปสำหรับเราเราก็มีศรัทธาและพระเจ้ารับรองกับเรา ที่เราได้รับการอภัย

ไม่มีใครถูกทำให้ชอบธรรมได้โดย “การประพฤติตามธรรมบัญญัติ” (โรม 3,20) เพราะกฎหมายไม่ได้บันทึกไว้ เป็นเพียงมาตรฐานที่เราทำไม่ได้ ไม่มีใครดำเนินชีวิตตามมาตรฐานนี้ (ข้อ 23) พระเจ้าทรงทำให้เขาเป็นคนชอบธรรม "ซึ่งเชื่อในพระเยซู" (ข้อ 26) มนุษย์กลายเป็นคนชอบธรรม "โดยปราศจากการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยความเชื่อเท่านั้น" (ข้อ 28)

เพื่ออธิบายหลักการของการทำให้ชอบธรรมโดยความเชื่อ เปาโลอ้างคำพูดของอับราฮัม: "อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และเขานับว่าเป็นความชอบธรรมสำหรับเขา" (โรม 4,3, คำพูดจาก 1. โมเสส15,6). เนื่องจากอับราฮัมวางใจในพระเจ้า พระเจ้าจึงถือว่าเขาเป็นผู้ชอบธรรม ก่อนที่ประมวลกฎหมายจะร่างขึ้น นี่คือหลักฐานว่าความชอบธรรมเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่ได้รับโดยความเชื่อ ไม่ใช่ได้มาโดยการรักษาธรรมบัญญัติ

การให้เหตุผลเป็นมากกว่าการให้อภัย เป็นมากกว่าการล้างบัญชีหนี้ Justification หมายถึง ต่อจากนี้ไปถือว่าเรายุติธรรม เรายืนอยู่ที่นั่นในฐานะผู้ที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง ความชอบธรรมของเราไม่ได้มาจากการกระทำของเราเอง แต่มาจากพระคริสต์ (1. โครินเธียนส์ 1,30). โดยการเชื่อฟังของพระคริสต์ เปาโลเขียนว่าผู้เชื่อกลายเป็นผู้ชอบธรรม (โรม 5,19).

แม้แต่กับ "คนชั่วร้าย" "ความเชื่อของเขาก็ถือเป็นความชอบธรรม" (โรม 4,5). คนบาปที่วางใจในพระเจ้าเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า (และดังนั้นจะได้รับการยอมรับในการพิพากษาครั้งสุดท้าย) ผู้ที่วางใจในพระเจ้าจะไม่ต้องการเป็นคนไม่มีพระเจ้าอีกต่อไป แต่นี่เป็นผลที่ตามมา ไม่ใช่สาเหตุของความรอด เปาโลรู้และย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “มนุษย์ไม่ได้รับความชอบธรรมโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์” (กาลาเทีย 2,16).

การเริ่มต้นใหม่

บางคนเชื่อในทันที มีบางอย่างดังขึ้นในสมอง แสงสว่างก็สว่างขึ้น และพวกเขายอมรับพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอด คนอื่นๆ มีศรัทธาแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ตระหนักว่าการบรรลุความรอดนั้นพวกเขาไม่ได้พึ่งพาตนเองอีกต่อไป แต่พึ่งพาพระคริสต์

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด พระคัมภีร์อธิบายว่าเป็นการบังเกิดใหม่ ถ้าเรามีศรัทธาในพระคริสต์ เราก็บังเกิดใหม่เป็นบุตรของพระเจ้า (ยอห์น 1,12-13; กาลาเทีย 3,26; 1จอห์น5,1). พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเริ่มสถิตในเรา (ยอห์น 14,17) และพระเจ้าได้ทรงกำหนดวัฏจักรใหม่ของการทรงสร้างในเรา (2. โครินเธียนส์ 5,17; กาลาเทีย 6,15). ตัวตนเก่าตาย คนใหม่เริ่มที่จะเป็น (เอเฟซัส 4,22-24) - พระเจ้าเปลี่ยนเรา

ในพระเยซูคริสต์ - และในตัวเราถ้าเราเชื่อในพระองค์ - พระเจ้าทรงทำลายผลของบาปของมนุษยชาติ ด้วยการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเรามนุษยชาติใหม่กำลังก่อตัวขึ้น เกิดอะไรขึ้นพระคัมภีร์ไม่ได้บอกรายละเอียดแก่เรา มันแค่บอกเราว่ามันเกิดขึ้น กระบวนการเริ่มต้นในชีวิตนี้และจะแล้วเสร็จในครั้งต่อไป

เป้าหมายคือให้เราเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น เขาเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า (2. โครินเธียนส์ 4,4; โคโลสี 1,15; ฮีบรู 1,3) และเราต้องแปลงร่างเป็นอุปมาของเขา (2. โครินเธียนส์ 3,18; กัล4,19; เอเฟซัส 4,13; โคโลสี 3,10). เราต้องเป็นเหมือนพระองค์ในจิตวิญญาณ - ในความรัก ความยินดี สันติสุข ความถ่อมตน และคุณลักษณะอื่นๆ ของพระเจ้า นี่คือสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำในเรา เขาสร้างภาพลักษณ์ของพระเจ้าขึ้นใหม่

ความรอดยังถูกอธิบายว่าเป็นการคืนดี - การฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า (โรม 5,10-11; 2. โครินเธียนส์ 5,18-21; เอเฟซัส 2,16; โคโลสี 1,20-22). เราไม่ต่อต้านหรือเพิกเฉยต่อพระเจ้าอีกต่อไป - เรารักพระองค์ จากศัตรูเรากลายเป็นเพื่อนกัน ใช่ มากกว่าเพื่อน - พระเจ้าตรัสว่าพระองค์ทรงยอมรับเราเป็นลูกของพระองค์ (โรม 8,15; เอเฟซัส 1,5). เราเป็นครอบครัวของเขาที่มีสิทธิ หน้าที่ และมรดกอันรุ่งโรจน์ (โรม 8,16-17; กาลาเทีย 3,29; เอเฟซัส 1,18; โคโลสี 1,12).

ที่สุดแล้วจะไม่เจ็บปวดหรือทุกข์อีกต่อไป1,4) ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครทำผิดพลาดอีกต่อไป บาปจะไม่มีอีกต่อไปและความตายจะไม่มีอีกต่อไป (1. โครินเธียนส์ 15,26). เป้าหมายนั้นอาจยาวไกลเมื่อเราพิจารณาสถานะของเราในตอนนี้ แต่การเดินทางเริ่มต้นด้วยขั้นตอนเดียว นั่นคือขั้นตอนของการยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระคริสต์จะทรงทำให้งานที่พระองค์เริ่มต้นในเราสำเร็จลุล่วง (ฟิลิปปี 1,6).

แล้วเราจะเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น (1. โครินเธียนส์ 15,49; 1. โยฮันเน 3,2). เราจะเป็นอมตะ อมตะ รุ่งโรจน์ และปราศจากบาป ร่างกายวิญญาณของเราจะมีพลังเหนือธรรมชาติ เราจะมีพลัง สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ความแข็งแกร่ง และความรักที่เราไม่สามารถฝันถึงได้ในตอนนี้ ภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่ครั้งหนึ่งเคยแปดเปื้อนด้วยบาป จะฉายแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าที่เคย

Michael Morrison


รูปแบบไฟล์ PDFความรอด